ถึงแม้จะมีหลายบทความที่ได้รีวิวประสบการณ์ของทั้ง 2 โรงเรียนนี้ไปแล้วหลายบทความก็ตาม แต่ครั้งนี้ เราเองก็อยากมาเล่าเรื่องราวและความรู้สึกส่วนตัวที่เราได้ไปสัมผัสทั้ง 2 โรงเรียนนี้ดูบ้าง
เราได้ไปทดลองใช้ชีวิตเป็นนักเรียนที่ IDEA Cebu ประมาณ 1 สัปดาห์
ฟังดูอาจไม่ได้มากมายอะไร แต่ในเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เราก็ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย ได้รับความสนุกสนาน และมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆในโรงเรียน
IDEA Cebu เป็นโรงเรียนที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายและชอบออกไปแฮงค์เอาท์ เข้าสังคมหน่อยๆ ตัวโรงเรียนจะตั้งอยู่บนห้าง Time Square 2 เป็น Community Mall เล็กๆ ชั้น 3 จะเป็นตึกเรียนและออฟฟิศ ส่วนชั้น 4 จะเป็นหอพักนักเรียน ส่วนด้านล่างจะเป็นร้านอาหาร มีทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ และร้านสะดวกซื้อ เช่น 7 eleven ยังไม่พอ!! ตรงข้ามของตึกนี้ คือ ห้างสรรพสินค้า Parkmall (ฟีลลิ่งคล้ายๆ Big C บ้านเรา) ที่มีทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร ร้านหนังสือ หรือ ไปรษณีย์ เรียกได้ว่า การใช้ชีวิตที่ IDEA Cebu ค่อนข้างจะสบายเลยหละ
สำหรับคนที่ชอบสังสรรค์ก็คงจะเป็นสวรรค์เล็กๆของเขาเลย เพราะในตอนกลางคืน ชั้นล่างจะมีลานร้านอาหารให้แฮงค์เอาท์ รวมถึงไม่ไกลจากโรงเรียนก็มีผับบาร์เล็กๆที่ดูดีไว้ให้สำหรับคนที่อายุ 20+ ขึ้นไปด้วย แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไปได้ง่ายๆนะ เพราะทางโรงเรียนเรามีกฏชัดเจนไว้ว่า ในวันธรรมดาและวันอาทิตย์นักเรียนจะต้องกลับหอพักก่อนเวลา 3 ทุ่มและในวันศุกร์ – เสาร์ต้องกลับก่อน 5 ทุ่ม
หอพักของที่ IDEA Cebu ตอนเราไปพักเป็นห้อง 4 คน ในห้องไม่คับแคบและค่อนข้างสะอาด ที่ IDEA Cebu จะเป็นเตียงแบบ Bunk Bed ทั้งหมด ด้านล่างจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือและตู้เสื้อผ้า ชั้นเก้บของ และด้านบนจะเป็นเตียง
ที่นี่จะมีการทำความสะอาดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และไม่ต้องกังวลว่าของจะหายเลยเพราะที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอด ขนาดเราทิ้งกล้องถ่ายรูปและแมคบุ๊คไว้ก็ไม่เคยหายเลย รวมถึงด้านนอกหอพักก็จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั่งประจำจุดของเช็คนักเรียนเข้า-ออกเสมอด้วย
ความประทับใจอย่างนึงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นี่ คือ ความใส่ใจและความเคร่งครัด ในวันแรกที่เรามาถึงเจ้าหน้าที่ก็จะมาถามชื่อเราและจำชื่อเราได้ทันที!! เจ้าหน้าที่จะคอยจดบันทึกการเข้าออกของนักเรียนตลอดเวลา และจะตามเรียงตัวเลยถ้าเกิดพบว่านักเรียนกำลังทำฝ่าฝืนกฏอะไรก็ตาม
ส่วนในเรื่องการเรียนการสอน เราว่าการเรียนที่นี่ค่อนข้างสนุกนะ อาจารย์แต่ละคนค่อนข้างจะมีอารมณ์ขันและค่อนข้างเป็นกันเอง มีทั้งอาจารย์ที่ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่และดูเฮฮา ร่าเริงไปกับนักเรียน ค่อนข้างเข้ากันได้ง่ายเพราะอายุไม่ห่างกันมาก และอาจารย์ที่มีอายุ มีประสบการณ์ในการสอนมากแล้ว ถ้ายิ่งกรุ๊ปคลาสเราเจออาจารย์สอนสนุกและเพื่อนร่วมคลาสเฮฮาหละก็มันจะเป็นคลาสที่มันส์มากๆ แต่ส่วนหนึ่งแล้ว ตัวเราเองก็ต้องเปิดใจที่จะเรียนรู้ด้วยเช่นกัน
เด็กไทยส่วนใหญ่ที่มาเรียนที่นี่จะมีทักษะการพูดที่ดีขึ้น เราได้ทำการพูดคุยกับเด็กนักเรียนไทยส่วนใหญ่และพบว่าฟีดแบคที่ได้มามักจะเป็นเรื่องของการพูด การฟังที่ดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากว่านักเรียนไทยในฟิลิปปินส์ยังมีไม่เยอะเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ทำให้เราจำเป็นต้องเข้าหาเพื่อนต่างชาติและได้ฝึกภาษาไปในตัว (ยิ่งถ้าพูดภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลีได้ เราก็จะมีโอกาสได้ฝึกภาษานั้นไปด้วยและหาเพื่อนง่ายขึ้นไปอีกเช่นกัน)
ทุกเช้าจะมีการทดสอบคำศัพท์ โดยนักเรียนทุกคนจะต้องตื่นเพื่อไปทำการทดสอบ และถ้าสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ก็จะมีบทลงโทษเล็กๆ เช่น ห้ามออกข้างนอก
เรื่องอาหารก็เป็นอีกประเด็นหลักนึงที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังเช่นกัน ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดยากและค่อนข้างมีความแตกต่างทางด้านความคิดเห็น อาหารที่นี่มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารไทย และอาหารไต้หวัน สิ่งนึงที่ต้องเข้าใจ คือ พ่อครัวทำอาหารเป็นชาวฟิลิปปินส์เพราะฉะนั้น แน่นอนได้เลยว่ารสชาติคงจะไม่เหมือนกับต้นตำหรับแน่ๆ และยิ่งด้วยความหลากหลายของผู้คน ทำให้บางคนก็รู้สึกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าไม่อร่อย บ้างก็ว่าอร่อย บ้างก็ว่าพอกินได้
แต่โดยส่วนตัวของเราแล้ว เราเป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว บวกกับชอบลองอาหารหลายๆรูปแบบและค่อนข้างคุ้นชินกับอาหารโรงอาหารในสมัยไปเรียนต่างประเทศมาบ้าง เลยไม่มีปัญหาในจุดนี้ แต่ข้อดีอย่างนึงของอาหารที่นี่ คือ อาหารที่นี่ค่อนข้างมีสารอาหารครบถ้วน
และในช่วงคืนวันศุกร์ ถ้าหากเราเป็นคนนึงที่ชอบฟังดนตรี เราก็สามารถลงมานั่งชิลๆลานนั่งเล่นด้านล่าง กินลม ชมวิว พลางฟังดนตรีสดจากร้านอาหารได้อย่างสบายๆอีกด้วย บอกเลยว่านักร้องชาวฟิลิปปินส์แต่ละคนมีฝีมือในการร้องเพลงใช่ย่อยเลยหละ
ต่อมา อีก 1 โรงเรียนที่เราได้แวะไปเยี่ยมชม คือ IDEA Academia ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก IDEA Cebu เท่าไหร่นัก
IDEA Academia ถึงแม้จะอยู่เครือเดียวกับ IDEA Cebu แต่ด้วยสภาพแวดล้อมแล้วที่ IDEA Academia ดูจะมีความสงบและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ชอบแฮงค์เอาท์มากกว่า
ตึกเรียนของ IDEA Academia อยู่บนอาคารสำนักงาน GAGFA Tower ชั้น 16 โดยรวมแล้วสภาพแวดล้อมและบรรยากาศค่อนข้างน่าเรียนเลยทีเดียว ต่อให้อยู่บนตึกแต่ก็ไม่ได้รู้สึกคับแคบ อึดอัด แต่กลับมีพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกสบายตาและน่าพักผ่อน และข้อได้เปรียบของที่นี่ คือ แม้แต่เวลาเรียน เราสามารถมองวิวข้างนอกหน้าต่างพร้อมกับเห็นภาพที่สวยงามได้รอบๆตึก
สภาพห้องเรียนเดี่ยวของ IDEA Academia ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวกว่า IDEA Cebu และมีพื้นที่กว้างกว่าทำให้ถึงแม้จะไม่ใช่พื้นที่ปิดสนิทแต่ก็ไม่ได้มีเสียงดังจนรบกวนสมาธิได้ ส่วนเรื่องห้องเรียนกลุ่มก็เป็นห้องปิดที่สามารถมองทะลุออกไปได้และยังสามารถมองวิว เปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆได้อีกด้วย
การเรียนการสอนของที่นี่ไม่ต่างจาก IDEA Cebu มากนัก เราได้ทดลองเข้าไปเรียนทั้งคลาสเรียนเดี่ยว และคลาสเรียนกลุ่ม ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเป็นกันเองเช่นเดียวกัน อาจารย์ที่นี่ยังอายุไม่เยอะมากและค่อนข้างมีอารมณ์ขัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันออกไปคงเป็นที่ IDEA Academia ค่อนข้างมีนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติมากกว่าที่ IDEA Cebu เพราะนอกจากญี่ปุ่น ไต้หวันแล้ว ยังมีชนชาติอื่นๆ เช่น เกาหลี และ อาหรับอยู่ในโรงเรียนด้วย
ฟีดแบคอาหารของที่นี่ น้องๆเด็กไทยบอกว่าอาหารกลางวันและเย็นอร่อย และก็ยังคงเน้นอาหารแนวญี่ปุ่น เกาหลีเช่นเดียวกัน และถ้ายังไม่อิ่มก็สามารถซื้อขนมปังจากร้านคาเฟ่เล็กๆที่อยู่ด้านหน้าโรงอาหารได้ด้วย
ที่นี่มีพื้นที่ให้พักผ่อนหย่อนใจอยู่ค่อนข้างเยอะ นักเรียนสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางในกลางพบปะ พูดคุย หรือทำงานก็ได้เพราะเป็นพื้นที่ที่มีวายฟายเข้าถึง แต่สิ่งนึงที่ต้องทำใจนิดหน่อยก่อนไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ (ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม) คือ วายฟายที่ประเทศนี้ค่อนข้างจะช้ากว่าบ้านเราพอสมควร ทำให้บางครั้งอาจจะใช้ไม่ได้ หรือ ช้าไปหน่อย ดังนั้น ถ้าเป็นคนที่ติดการใช้อินเตอร์เน็ตจึงควรซื้อซิมการ์ดที่มีอินเตอร์เน็ต หรือ พ็อคเกตวายฟายติดตัวไว้จะดีกว่า (แต่ถึงอย่างนั้นบางครั้งก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี)
โดยรวมแล้ว การจัดการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆก็ค่อนข้างคล้ายกับที่ IDEA Cebu ยกเว้นหอพักนักเรียนที่แยกออกจากตัวตึก ซึ่งนักเรียนก็สามารถเลือกได้ว่าต้องการพักที่หอพักของโรงเรียน หรือ โรงแรม โดยหอพักของโรงเรียนจะอยู่ถัดจากตึกสำนักงานไปนิดหน่อย สามารถเดินได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ทางโรงเรียนก็มีรถรับส่งให้เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายของนักเรียน
สภาพหอพักดูจากภายนอกอาจไม่สวยงามนัก ให้อารมณ์ไม่ต่างกับตึกห้องแถวบ้านเรา แต่พอได้ไปอาศัยอยู่จริงๆ น้องนักเรียนไทยหลายคนก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างสะดวกสบายและปลอดภัยดี
สรุป ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าในเมืองเซบู ฟิลิปปินส์ เป็นเมืองที่เราไม่ควรคาดหวังในความหรูหรา สภาพแวดล้อมของเมืองถ้าให้เทียบแล้วก็เหมือนหัวเมืองต่างจังหวัดบ้านเรา ที่มีการจราจรหนาแน่นและติดขัด สภาพตึกบางอย่างอาจดูเก่าไปบ้าง แต่ถ้าเรามองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปได้ เราจะใช้ชีวิตในเซบูได้อย่างสบายมากๆ เพราะชาวฟิลิปปินส์เองก็เป็นคนน่ารัก เฟรนด์ลี่ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเราได้เสมอ
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ในฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่แล้วตามห้างสรรพสินค้า อาคารต่างๆ ไม่เว้นแต่ร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ จะมีรปภ. ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่เป็นจุดๆพร้อมกับอาวุธ และจากประสบการณ์เราตั้งแต่ไปอยู่ที่เซบูมา เรายังไม่เคยเจอการก่ออาชญากรรมต่างๆเลย (แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า)
หากมีโอกาส เราอยากให้ทุกคนลองพิจารณาไว้เป็นอีกตัวเลือกนึงของการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าหากอยากเรียนและฝึกใช้ภาษาแบบเข้มข้น ลองพบเจอผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม อยากลองใช้ชีวิตด้วยตนเอง รักการท่องเที่ยว และมีงบประมาณจำกัด ฟิลิปปินส์อาจเป็นคำตอบสำหรับใครอีกหลายๆคนก็ได้ค่ะ
Written by : Wisanlaya Kuekoolkwamsook