[รีวิว] 2 สถาบันสอนภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษที่บาเกียว ฟิลิปปินส์
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนให้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ก้อปันกันเลือกสรรและเพิ่มตัวเลือกของสถาบันสำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับ เรียนภาษาอังกฤษที่บาเกียว ฟิลิปปินส์ เราได้ทำการสำรวจและทดลองเรียนที่ 2 สถาบันชั้นนำของเมือง ได้แก่ Monol International Education Institute และ Beci International Language School
บทความรีวิวนี้แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่
1. แนะนำเมืองบาเกียว
2. รีวิวสถาบัน Monol
3. รีวิวสถาบัน Beci
4. เปรียบเทียบ 2 ความแตกต่างและ 1 ความเหมือนสำคัญของ 2 โรงเรียน
5. สรุปจากการเยี่ยมเยือนสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่บาเกียว
…
1) แนะนำเมืองบาเกียว
เนื่องจากหลายท่านอาจมีข้อมูลอาจมีอยู่อย่างจำกัด ผมจะขอแนะนำเมืองบาเกียวโดยสังเขปซะก่อน
บาเกียว : เมืองหลวงในฤดูร้อน
ของประเทศฟิลิปปินส์
บาเกียวตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ที่มีความเป็นเมืองแบบปัจจุบันสมัย มักถูกพูดถึงในนาม “the Summer Capital of the Philippines” หรือเมืองหลวงในฤดูร้อนของประเทศฟิลิปปินส์ บาเกียวเคยเป็นหัวเมืองหลักของมณฑลในช่วงปีค.ศ. 1901 – 1916 แต่หลังจากนั้นได้ผันมาบริหารจัดการตัวเองโดยเป็นอิสระจากมณฑล
ตลอดทั้งปีรวมถึงในช่วงเทศกาล ผู้คนจากเมืองต่างๆที่สภาพอากาศร้อนมักจะเดินทางมาเยือนบาเกียวเพื่อสัมผัสอากาศของเมืองหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 19 องศา (อ้างอิง : holiday-weather)
video แนะนำ Baguio credit to Rafroad
บาเกียว : ชุมชมแห่งการศึกษา
คนส่วนใหญ่ในเมืองคือ วัยเรียน อ้างอิงจากสถิติปี 2007 บาเกียวมีนักเรียน 141,088 คนจากประชากรทั้งหมด 301,926 คน สืบเนื่องจากการเป็นศูนย์รวมของการศึกษาสำหรับเกาะ Luzon (เกาะทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์) เพราะมีสถาบันอุดมศึกษา 8 แห่งในย่านเมือง ได้แก่ the Saint Louis University, University of the Philippines Baguio, Philippine Military Academy, University of Baguio, University of the Cordilleras, Baguio Central University, Pines City Colleges และ Easter College และในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนของทุกปี ครูจากทั่วประเทศจะเดินทางมาเข้าร่วม Teacher’s Camp ที่บาเกียวเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาการเรียนการสอน และเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่กำลังศึกษา อัตราการเกิดอาชญากรรมที่บาเกียวจึงค่อนข้างต่ำกว่าหลายๆเมืองในประเทศฟิลิปปินส์ (อ้างอิง : numbeo)
Monol เป็นอาคารเดี่ยวทั้งหมด 14 ชั้น ตั้งอยู่บนเชิงเขา ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาได้จากบางมุมของอาคาร มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เคร่งครัด ณ ทางเข้าของโรงเรียนจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24/7
เมื่อเข้าโรงเรียนและเดินลงบันไดมาที่ชั้น B3 ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักของโรงเรียนจะพบกับสนามบาสเก็ตบอลขนาดเต็ม (มีแป้น 2 ฝั่ง) ภายในอาคารของชั้น B3 ประกอบด้วย lounge ที่นักเรียน เจ้าหน้าที่และครูสามารถใช้พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย มี WiFi และชั้นนี้เป็นที่ตั้งของออฟฟิศเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่นักเรียนสามารถมาขอคำปรึกษา และขอความช่วยเหลือต่างๆได้ด้วย
ชั้นของอาคารแบ่งตามใช้งานอย่างเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน นักเรียนสามารถเลือกที่จะเดินขึ้นลงบันไดหรือใช้ลิฟต์ก็ได้ Monol มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบวงจรคล้ายคลึงกันกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษอื่นในเครือข่ายของก้อปันกัน แต่ที่น่าสนใจ คือ Sauna ให้นักเรียนได้ผ่อนคลายฟรี มี golf เป็น free optional class ในช่วงค่ำรวมถึงสนามบาสเก็ตบอลขนาดเต็ม และหอพักที่แลดูสะดวกสบาย
เหตุผลที่ทำให้ Monol น่าสนใจ
(ตามประเด็นที่โรงเรียนนำเสนอ)
• ช่วงทดลองเรียน 1 สัปดาห์ :
หากมาเรียนแล้ว คิดว่าไม่เหมาะสมกับตัวเอง นักเรียนสามารถทำเรื่องขอคืนเงินได้ ยกเว้น ค่าลงทะเบียนเรียน (registration fee) และค่าธรรมเนียมโอนต่างประเทศ (wire transfer fee)
• Student Blogger Program :
นักเรียนสมัครเรียนที่ Monol สามารถเลือกที่จะแบ่งประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตที่สถาบันได้ โดยจะได้รับส่วนลดค่าเรียนและค่าที่พัก $300 USD / 4 สัปดาห์
• นโยบายคืนเงิน 100% :
สำหรับนักเรียนที่มีความจำเป็นต้องยกเลิกแผนการเรียน โดยจะต้องแจ้ง 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มเรียน หากยกเลิกภายในสัปดาห์ก่อนที่จะเดินทางจะถูกหักค่าใช้จ่ายสำหรับ 1 สัปดาห์ ยกเว้น ค่าลงทะเบียนเรียน (registration fee) และค่าธรรมเนียมโอนต่างประเทศ (wire transfer fee)
• แบ่งจ่ายเรียนเป็นรายเทอมได้ :
เพื่อลดความกังวลเรื่องการชำระค่าใช้จ่ายเป็นเงินก้อน Monol ยินดีให้นักเรียนลงทะเบียนเรียนตามที่ต้องการและแบ่งชำระค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนได้ … อย่างไรก็ตามสำหรับการแบ่งชำระเป็นรายเดือน นักเรียนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมโอนต่างประเทศทุกเดือนซึ่งจะทำให้มีค่าธรรมเนียมสูงขึ้น
• หลักสูตรและวัตถุดิบสำหรับการเรียนการสอน :
มีหลักสูตรให้นักเรียนเลือกตั้งแต่ General ESL (การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการใช้งานทั่วไป), IELTS Guarantee, TOEIC และ Business English โดยหลักสูตรการเรียนการสอนและวัตถุดิบในการจัดการเรียนการสอนพัฒนาขึ้นโดยครูและนักพัฒนาของโรงเรียนเอง
• ใช้ชีวิตเรียบๆ ปราศจากความกังวลและเต็มที่กับการเรียน :
โรงเรียนมีบริการให้กับนักเรียนครบวงจร เพื่อให้นักเรียนโฟกัสกับการเรียนได้เต็มที่ ภายในหอพักแต่ละห้องจะมี dehumidifier (เครื่องลดความชื้น เพื่อลดกลิ่นอับภายในห้อง) ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเรียน ไฟสำหรับโต๊ะเรียน ตระกร้าผ้า ไม้แขวนเสื้อ โรงเรียนยังมีบริการทำความสะอาดห้อง บริการซักผ้า และบริการอาหารแบบ buffet ให้อีกด้วย
• มีกิจกรรมให้นักเรียนทำและผ่อนคลายมากมาย :
ภายในตัวโรงเรียนจะมี golf range ให้นักเรียนได้ผ่อนคลายและฝึกใช้ภาษาอังกฤษ มี sauna (แยกเพศ) อยู่ติดกับคาเฟ่และร้านค้า มี gym และพื้นที่สำหรับ Yoga และ Zumba ทั้งหมดนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้โรงเรียนยังมีกิจกรรมให้นักเรียนได้ท่องเที่ยวและร่วมสนุกกับเพื่อนๆในทุกสัปดาห์อีกด้วย แต่นักเรียนจะต้องเสียค่าเดินทางเอง
ข้อสังเกตและจุดน่าสนใจอื่นเกี่ยวกับ Monol
• การเรียน :
การเดินทางมาเยี่ยมสถาบันในครั้งนี้ สถาบันได้จัดให้ทีมงานของก้อปันกัน 2 คนทดลองเรียนทั้งหมด 8 คาบ เราได้ทดลองเรียนทั้งหลักสูตร ESL, BUSINESS ENG, IELTS และ TOEIC โดยมีครูผู้สอนแตกต่างกัน
นักเรียนที่ Monol จะได้ใช้หนังสือเรียนที่สถาบันพัฒนาขึ้นมาเอง ยกเว้นหลักสูตร Business English ที่ใช้แบบเรียนตามตำราของฝรั่ง Business English ที่ Monol ค่อนข้างน่าสนใจครับ หลักสูตรนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ Pre-Employment (สำหรับคนที่ต้องการเตรียมพร้อมในการสมัครและทำงานโดยการใช้ภาษาอังกฤษ), Post-Employment (สำหรับคนที่ทำงานแล้วและต้องการฝึกและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการทำงานให้ได้ดียิ่งขึ้น), และ Flight Attendant (สำหรับคนที่ต้องการสมัครและเตรียมทำงานเกี่ยวกับการบิน) ในหลักสูตรนี้นักเรียนจะได้เรียนแบบตัวต่อตัวทั้งวันในวันจันทร์-พฤหัสบดี ส่วนในวันศุกร์จะได้เข้าร่วม presentation โดยนักเรียนแต่ละคนอาจจะได้ present 1-2 รอบต่อสัปดาห์
ครูส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการสอน บางคนได้สอนมา 2-3 ปีและบางคนประสบการณ์การสอนสูงถึง 10 ปี + ครูที่ Monol ดูมีความเป็นมืออาชีพ ครูส่วนใหญ่จะโฟกัสเวลาในห้องกับเนื้อหาการเรียนอย่างเต็มที่
• E.O.P. (English Only Policy) :
Monol เป็นสถาบันที่มี E.O.P. (นโยบายที่กำหนดให้นักเรียน ครูและเจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียนต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น) ที่เข้มงวดและใช้งานได้จริงทั่วทั้งโรงเรียน ไม่ว่าจะใน lounge, ห้องอาหาร, บริเวณทางเดินทางในชั้นเรียน นักเรียนทุกคนจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกันตลอดเวลา เหตุที่เป็นเช่นนี้ คือ สถาบันมีบทลงโทษนักเรียนที่ใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษ คือ การกำหนดให้อยู่ self-study นอกเวลาเรียนเพิ่มเติมซึ่งนักเรียนอาจจะไม่สามารถออกไปข้างนอกโรงเรียนในช่วงค่ำหรือวันหยุดได้
• Dormitory :
Monol เป็นหนึ่งในสถาบันที่รูปถ่ายของหอพักในเว็บไซต์คล้ายคลึงกับสภาพในความเป็นจริงมาก ถึงแม้สภาพห้องน้ำอาจจะเก่าตามสภาพบ้าง มันยังคงสามารถใช้งานได้ดี Monol มีเครื่องลดความชื้นให้ในหอพักทุกห้อง และมีการแบ่งพื้นที่ให้กับผู้ร่วมพักอาศัยอย่างเป็นสัดเป็นส่วนที่ชัดเจน สำหรับหอพักของโรงเรียนมีให้เลือก 5 แบบ ได้แก่ 2,3,4,6 เตียง และ 3 + 1 ซึ่งเป็น highlight ของสถาบัน คือ ห้องพัก 4 เตียงที่มีนักเรียน 3 และครู 1 คน พักอาศัยด้วยกัน นักเรียนภายในห้องสามารถตกลงกันและพูดคุยกับครูที่ร่วมพักอาศัยได้ว่า ต้องการเรียนหรือฝึกสื่อสารภาษาอังกฤษในเรื่องใดเพิ่มเติมจากคลาสเรียนเป็นพิเศษ
• การบริการและหลักสูตรสำหรับเด็ก 7-17 ปี :
Monol มีบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่ บริการด้านการพยาบาล เครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง ห้องกรองและผลิตน้ำดื่มของตัวเอง อาหารแบบ buffet ที่มีสารอาหารครบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24/7 ตู้ ATM ณ ทางเข้าอาคาร และที่สำคัญมีหลักสูตร Junior and Family ที่มีเจ้าหน้าที่ของสถาบันช่วยดูแลเป็นพิเศษอีกด้วย
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Monol เพิ่มเติม – Click
…
3) สถาบันที่สอง :
Beci International Language School
Beci เป็นแคมปัสแบบโรงเรียน/รีสอร์ท ที่มีพื้นที่ outdoor สำหรับการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว แคมปัสนี้เคยเป็นสถานที่พักของนักเรียนและนักศึกษาจากประเทศเกาหลี เมื่อพวกเขามาเรียนที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยในบาเกียวมาก่อน ภายในแคมปัสประกอบด้วย Academic Building (อาคารเรียน), Community Center (เป็นอาคารสำนักงาน) ที่มีห้องนวดและบริการต่างๆให้นักเรียน, Dormitory (หอพัก) และ ลานสนามหญ้า เมื่อเดินทางมาถึงโรงเรียน (ทางเข้าโรงเรียนจะมีประตูเหล็กทึบสีเขียว เสมือนอู่รถ) จะพบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24/7 และลานจอดรถที่เป็นลานกีฬาขนาดย่อม
สิ่งที่โดดเด่นของ Beci คือ lounge ชั้น 5 ของหอพัก รวมถึงหอพักฝั่ง A (วิวภูเขา) ที่นักเรียนจะได้รื่นรมย์ไปกับทิวทัศน์ของภูเขาแนวกว้าง รวมถึงลานสนามหญ้าข้างหอพักที่นักเรียนมักจะใช้เล่น volleyball และ badminton ร่วมกัน หลายครั้งครูจะมาร่วมแจมด้วย บางครั้งนักเรียนเลือกซุ้มในบริเวณลานสนามหญ้านี้สำหรับการเรียนแบบตัวต่อตัว สำหรับครูและเจ้าหน้าที่ของ Beci มีความยืดหยุ่น แลดูมีความเป็นกันเองและมีชีวิตชีวามากทีเดียว ที่ลานสนามหญ้านี้ ครูจะประชุมกันเกี่ยวกับอัพเดทต่างๆทุกเช้าก่อนเริ่มการเรียนการสอน และครูจะร่วมกันต้อนรับและทักทายนักเรียนใหม่ทุก 2 สัปดาห์
สิ่งที่โดดเด่นของ Beci คือ lounge ชั้น 5 ของหอพัก รวมถึงหอพักฝั่ง A (วิวภูเขา) ที่นักเรียนจะได้รื่นรมย์ไปกับทิวทัศน์ของภูเขาแนวกว้าง รวมถึงลานสนามหญ้าข้างหอพักที่นักเรียนมักจะใช้เล่น volleyball และ badminton ร่วมกัน หลายครั้งครูจะมาร่วมแจมด้วย บางครั้งนักเรียนเลือกซุ้มในบริเวณลานสนามหญ้านี้สำหรับการเรียนแบบตัวต่อตัว สำหรับครูและเจ้าหน้าที่ของ Beci มีความยืดหยุ่น แลดูมีความเป็นกันเองและมีชีวิตชีวามากทีเดียว ที่ลานสนามหญ้านี้ ครูจะประชุมกันเกี่ยวกับอัพเดทต่างๆทุกเช้าก่อนเริ่มการเรียนการสอน และครูจะร่วมกันต้อนรับและทักทายนักเรียนใหม่ทุก 2 สัปดาห์
เรามีโอกาสได้พูดคุยกับครูใหญ่ (Head Teacher Yana), หัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ (Sir Eli), และผู้ประสานงานด้านวิชาการ (Teacher Red) ทั้ง 3 ท่านมี Certification in TESOL และเป็น TESOL Trainers นอกจากการฝึกครูและการพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนแล้ว เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อช่วยฝึกครูฟิลิปปินส์ในการสอนภาษาอังกฤษอีกด้วย สำหรับที่ Beci เราได้รับข้อมูลมาว่าสถาบันให้ความสำคัญกับ Communicative Teaching Method มากกว่าการเพิ่มเติมความรู้ให้กับนักเรียน ด้วยวิธีนี้ ในเวลาเรียน 70% จะเป็นการพูดคุยสื่อสารของนักเรียนและ 30% จะเป็นของครูผู้สอน โดยครูจะทำหน้าที่เป็น facilitator ที่จะช่วยเชื่อมโยงเนื้อหาเข้ากับประสบการณ์และความคิดของนักเรียนในการเรียนรู้
*TESOL Certification คือ การรับรองวิชาชีพและคุณสมบัติสำหรับการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง (ESOL : English for speakers of other languages) ซึ่งเป็นการรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
เหตุผลที่ทำให้ BECI น่าสนใจ
(ตามประเด็นที่โรงเรียนนำเสนอ)
• SP (Speaking Prescription) :
โปรแกรมฝึกฝนและพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษจากการพูด โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนในหลักสูตร Sparta ESL (หลักสูตรอื่นสามารถเข้าร่วมได้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) ในการสอบ SP ทุกสัปดาห์ นักเรียนจะได้สุ่มจับประเด็นเพื่อพูดคุยกับผู้สัมภาษณ์ ตัวอย่างประเด็นได้แก่ ความสำคัญของเวลา กิจกรรมยามว่าง เป็นต้น
วัตถุประสงค์หลักของ SP คือ การประเมินทักษะการพูดของนักเรียนให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และการจัดหลักสูตรการเรียนให้ตรงกับความต้องการของปัจเจกอย่างมีประสิทธิภาพ ในการทดสอบจะมีกล้องบันทึกการสัมภาษณ์ หลังจากการสัมภาษณ์ทีมงานในแผนก SP จะถอดเทปเพื่อเตรียมและนำเสนอ feedback เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ทดสอบอย่างละเอียด รวมถึง การออกเสียง การใช้ประโยค คำศัพท์ แกรมม่า โดยผู้ทดสอบจะได้รับเอกสารที่เป็นสคริปต์ตามที่ตนได้สื่อสารออกไปและคำแนะนำในการแก้ไข รวมถึงวีดีโอบันทึกการสัมภาษณ์พร้อม subtitle ตามที่ตนเองได้สื่อสารด้วย
เมื่อสำเร็จการศึกษา นักเรียนจะได้รับ CD รวมวีดีโอการทดสอบ SP และใบรายงานผลการเรียนตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์สุดท้าย
• The best language institute around nature :
เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และมีวิวภูเขาที่สวยงาม ออกแบบโดยสถาปัตย์ชาวเกาหลี …. จากการใช้ชีวิตอยู่ที่ Beci เป็นเวลา 3 คืน ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวิวทิวทัศน์จาก lounge และหอพักฝั่ง A รวมถึงบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติภายในแคมปัสเหมาะกับการใช้ชีวิตของนักเรียนมากๆ นักเรียนสามารถผ่อนคลายกับวิวธรรมชาติจากห้องเรียนบางส่วนได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามห้องพักของจริงอาจแตกต่างจากรูปภาพห้องตัวอย่างของโรงเรียนไปบ้าง แต่สภาพความสะอาดโดยรวมของหอพักยังคงอยู่ในสภาพที่ดี
• The best nationality ration in Baguio :
Beci เคลมให้ตัวเองเป็นโรงเรียนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเรียนมากที่สุด เมื่อเทียบกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษทั้งหมดในบาเกียว *สถิติปัจจุบัน
ข้อสังเกตและจุดน่าสนใจเกี่ยวกับ BECI
• การเรียน :
สถาบันได้จัดให้ทีมงานของก้อปันกัน 2 คนทดลองเรียนทั้งหมด 8 คาบ เราได้ทดลองเรียนทั้งหลักสูตร ESL, IELTS และ TOEIC
ในคาบ ESL Speaking ผู้สอนได้นำภาพสถานที่ท่องเที่ยวทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ 2 รูปมาใช้เป็นสื่อประกอบการเรียน ผู้สอนได้ให้เราฝึกบรรยายด้วยการใช้คำคุณศัพท์ (adjective) สำหรับ ESL Reading ผู้สอนให้อ่านบทความ 2 หน้าเกี่ยวกับ Giants ซึ่งปกติแล้วนักเรียนจะต้องอ่านบทความเป็นการบ้าน และผู้สอนจะชวนพูดคุยเกี่ยวกับบทความ นักเรียนจะได้ใช้ประสบการณ์และความเข้าใจที่ตนมีเกี่ยวกับประเด็นที่อ่านเพื่อแลกเปลี่ยนในการเรียน เช่น ในสังคมไทย เรามีความเชื่อเกี่ยวกับ giant อย่างไรบ้าง? เรามีตำนานเกี่ยวกับ giant ที่แข็งแกร่งหรือมีพลังเหนือธรรมชาติบ้างไหม?
ในคาบ IELTS ผู้สอนได้อธิบายแนวทางการสอนของ Beci ที่จะไม่เน้นให้นักเรียนเตรียมสอบ IELTS Speaking และ Writing โดยให้รูปแบบที่สำเร็จรูป (template) แต่จะใช้คำตอบที่นักเรียนสร้างขึ้นมาในการเรียนและพัฒนาต่อยอด และผู้สอนเตรียมแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ที่นักเรียนมักใช้อย่างผิดๆในการสอบ Writing มาให้ลองทำและอธิบายได้อย่างลึกซึ้งมากๆ สุดท้าย ผู้สอนได้อธิบายว่า Beci นำชุดข้อสอบของปีก่อนๆมารวบรวมและจัดทำเป็นแบบฝึกหัดขึ้นมา
ในคาบ TOEIC ผู้สอนได้เตรียมแบบฝึกหัดไว้ให้ โดยการฟังเทปและทำประโยคให้สมบูรณ์ตามช่องว่าง สนุกดีครับ ได้ฝึกทั้งการสะกดศัพท์ การใช้แกรมม่าและการออกเสียง เพราะเมื่อทำเติมประโยคได้สมบูรณ์แล้ว นักเรียนจะได้อ่านประโยคออกเสียง โดยผู้อ่านจะกระตุ้นเราให้ปรับ intonation (ความสูงต่ำในการออกเสียง) ตามเทปที่ฟังอีกด้วย และผู้สอนเล่าให้ฟังว่า ในคลาสเรียนจริง เค้าจะใช้ใจเย็นมากในการสอนมากเพราะคลังคำศัพท์ของนักเรียนแต่ละคนไม่เท่ากัน
ผู้สอนที่ได้ทดลองเรียนด้วยเป็นครูที่มีประสบการณ์ ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าของแต่ละแผนก ประกอบกับการพูดคุยกับหัวหน้าครูในแผนกวิชาการของโรงเรียน ทำให้เราเชื่อมั่นในคุณภาพของการจัดการเรียนการสอนของ Beci ได้ไม่แพ้กัน
- Edu Care System : Beci มีระบบบริหารจัดการนักเรียนอย่างเป็นระบบ ที่เอเจนและผู้ปกครองสามารถเข้าถึงได้ ข้อมูลและผลการเรียนของนักเรียน อาทิ การเข้าเรียน ระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษ บันทึกการทดสอบพูด (SP) การแนะแนวให้คำปรึกษาและอื่นๆ ได้
- หลักสูตรเสริม Barista และ Guitar Class : Beci มีหลักสูตรเสริมสำหรับผู้ที่สนใจด้านการทำกาแฟ และคลาสเรียนกีตาร์ ผู้เรียนจะได้ประยุกต์ทักษะด้านภาษาที่ได้จากโปรแกรม ESL ให้เข้ากับสถานการณ์ที่ตนเองได้พบเจอ และได้พูดคุยทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ จากนานาประเทศ
• E.O.P. (English Only Policy) และ กิจกรรมนอกห้องเรียน :
E.O.P. ของ Beci จะเป็นระบบอาสาตามความสมัครใจมากกว่า ในขณะที่จะมีการบังคับใช้ตามบริเวณ เช่น lounge และอาคารเรียนที่นักเรียนจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่หากนักเรียนคนใดต้องการใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาก็สามารถสมัครเข้าร่วม E.O.P. Challenge ได้ เมื่อเข้าร่วม challenge และได้ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้นในการสื่อสารตามระยะเวลาที่กำหนดจะได้รับของรางวัลตอบแทน ในขณะที่เข้าร่วม challenge จะมีเพื่อนและครูจะคอยจับตาดู นอกจากนี้แล้วการใช้ภาษาอื่นภายในโรงเรียนเป็นการตัดสินใจของนักเรียน
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Beci เพิ่มเติม – Click
…
4) เปรียบเทียบ 2 ความแตกต่าง
และ 1 ความเหมือนที่สำคัญของ 2 โรงเรียน
1. หลักสูตรการเรียน :
หลายหลักสูตรของ MONOL จะเน้นการเรียนแบบตัวต่อตัวมากกว่ากลุ่ม ในขณะที่ Beci จะมีความสมดุลระหว่างคาบเรียนตัวต่อตัวและคาบเรียนกลุ่ม สำหรับหลักสูตร Sparta ESL และ IELTS Guarantee ทั้ง 2 สถาบันถือว่าน่าเรียนใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามสำหรับ Business English ที่ Monol ดูมีโครงสร้างของหลักสูตรและเนื้อหาที่ชัดเจนและน่าเรียนกว่า ในขณะที่ Beci แลดูเชี่ยวชาญ TOEIC มากกว่าและมี TOEIC Guarantee อีกด้วย
2. ความเคร่งคัดของกฏระเบียบ E.O.P. :
Monol แลดูมีกฏระเบียบควบคุมนักเรียนที่เคร่งครัดมากกว่า Beci ที่มีพื้นที่ให้นักเรียนได้ผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะการใช้ภาษาอังกฤษ ตอนทานอาหารกลางในวันที่ไปเยี่ยม Monol สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเดินวนไปตรวจทุกโต๊ะเลยว่ามีนักเรียนคนไหนใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษไหม ในขณะที่ Beci จะสบายๆ ยกเว้นใน lounge และ อาคารเรียนของ Beci หรือนักเรียนที่อาสาสมัครเข้าร่วม E.O.P Challenge
3. อาหาร :
ที่ 2 โรงเรียนนี้มีเหมือนกันคือ อาหารที่มีผัก ! ไปเรียนอาหารที่บาเกียว มีทั้งผักและเนื้อให้ทานแน่นอนครับ ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์สามารทำเกษตรได้ ผักจะค่อนข้างสดและราคาถูก
…
5) สรุปจากการเยี่ยมเยือน
สถาบันสอนภาษาอังกฤษที่บาเกียว
1. การเรียนที่บาเกียว :
จากการใช้ชีวิตที่นี่ 2 วัน 3 คืน ผมรู้สึกว่าบาเกียวเป็นเมืองที่น่าอยู่ ด้วยสภาพอากาศเมืองเหนือที่เย็นสบาย สภาพสังคมที่ปลอดภัยและไม่วุ่นวาย และเหมาะสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษมากทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการให้ความสำคัญกับการเรียนอย่างเต็มที่ เพราะที่นี่จะไม่มีสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของนักเรียนออกจากการเรียนมากจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะมีสถานที่ให้ท่องเที่ยวและผ่อนคลายภายในเมืองอยู่บ้าง แต่สำหรับกิจกรรม outdoor อาจจะต้องใช้เวลาเดินทาง 2-4 ชั่วโมง
2. นักเรียนไทย :
ทั้ง 2 สถาบัน มีนักเรียนไทยน้อยมาก มายังไงก็ได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษแน่นอน หากทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียนอยู่ในระดับเบื้องต้นก็สามารถไปได้ครับ หากติดขัดอะไร สามารถให้ก้อปันกันช่วยสื่อสารกับทางโรงเรียนให้ได้
3. การเดินทางไปบาเกียว :
ทั้ง 2 สถาบันจะเปิดรับนักเรียนใหม่ทุกๆ 2 สัปดาห์ นักเรียนจะต้องนั่งเครื่องบินลงที่ Manila (NAIA) โดยโรงเรียนในสมาคม BESA (Baguio English Schools Association) ซึ่งทั้ง Monol และ Beci อยู่ในสมาคมนี้ จะจัดรถพร้อมเจ้าหน้าที่มารับจากสนามบินมาส่งถึงบาเกียว การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง จากประสบการณ์ที่ได้นั่งรถบัสของเอกชนทั้งขาไปและกลับ เส้นทางไม่น่ากลัว เพราะถนนเกือบตลอดสายได้รับการปรับปรุงให้ปลอดภัย และจะมีบ้านพักอาศัยของผู้คนรวมถึงโครงสร้างป้องกันข้างทางเกือบตลอดสาย
ใช่ครับ นั่งรถนานมาก…
แต่เมื่อถึงบาเกียวแล้ว รับรองว่าคุ้ม !