รีวิว เรียนหลักสูตร Power Speaking กับ Pines International Academy
ระยะเวลา 4 สัปดาห์ (9 Apr – 7 May 2023)
โดย Niracha Jermpong ( Ni )
ทำไมถึงสนใจไปเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์
เพราะว่าเพิ่งเรียนจบแล้วมีเวลาว่าง 1 เดือนก่อนเริ่มงาน ก็เลยอยากลองมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และประเทศฟิลิปปินส์เป็นตัวเลือกที่คิดว่าใช้เงินไม่เยอะ ก็เลยสนใจเลือกมาเรียนที่ประเทศนี้ค่ะ
ทำไมถึงเลือกไปเรียนสถาบัน Pines
ตอนแรกเลือกเมืองก่อนค่ะ เลือกเมืองบาเกียวเพราะไม่ชอบอากาศร้อน ซึ่งเมืองนี้ตอบโจทย์ในเรื่องของสภาพอากาศค่ะ พอเราเลือกเมืองได้แล้วก็มานั่งหาข้อมูลของแต่ละโรงเรียนที่อยู่ที่บาเกียวว่าเป็นยังไง ได้เข้ามาดูเว็บไซต์ของโรงเรียน Pines เห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน สภาพแวดล้อมโอเค ดูน่าเรียน และหนูเป็นคนให้ความสำคัญกับห้องนอนมาก ห้องนอน 4 เตียงที่โรงเรียนนี้ จะมีม่านกั้นทุกเตียง ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมาก หนูเลยชอบห้องนอนแบบนี้ เลยเลือกโรงเรียนนี้ค่ะ
หลักสูตร Power Speaking เป็นอย่างไรบ้าง
หลักสูตรนี้จะมีหลายเลเวลค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีกี่เลเวล ซึ่งหนูอยู่เลเวล 4 หนังสือเรียนของแต่ละเลเวลก็จะต่างกัน มีคลาส Speak Zone ซึ่งเป็นคลาสเดี่ยว ในหนังสือก็จะมีหัวข้อให้เราพูดโต้ตอบกับคุณครู เช่น แฟชั่น ภาพยนตร์ คลาสเดี่ยวต่อมาคือ Phrasal Verb
ส่วนคลาสกลุ่มคือ Developing tactics for listening ซึ่งจะเน้นการฟังและพูด อย่างเช่นหัวข้อภาพยนตร์ คุณครูเขาก็จะถามว่า ชอบหนังแนวไหน ให้แต่ละคนได้แสดงความคิดเห็นออกมา หลังจากนั้นคุณครูจะเปิดเทปบทเรียนในหนังสือให้ฟัง และมีแบบฝึกหัดให้ทำค่ะ เวลาตอบคำถาม คุณครูเขาจะแบ่งให้ตอบคำถามรายคน จะถามว่าทำไมข้อนี้ถึงตอบแบบนี้ ทำไมข้ออื่นถึงผิด ซึ่งเราต้องตั้งใจฟังจริง ๆ ไม่งั้นจะไม่สามารถตอบคำถามได้เลย ในคลาสนี้ได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง และทักษะการพูดค่ะ
ใน 1 วันเรียนอะไรบ้าง
เริ่มเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ตามตารางค่ะ แต่หนูเลือกเรียนคาบเสริมด้วยเพิ่มมา 3 คาบ คาบเช้าจะเริ่มเรียน 7:00-7:45 น. ส่วนคาบตอนกลางคืน 2 คาบ คาบแรกเริ่มเรียน 19:00-19:45 น. คาบที่ 2 เริ่มเรียน 19:55-20:40 น. โดยคาบเสริมตอนเช้าเลือกเรียน Listening ตอนกลางคืนเลือก Speaking ทั้ง 2 คาบเลยค่ะ สามารถไปลงทะเบียนเรียนที่จุดลงทะเบียนได้เลยค่ะ
โดยที่จุดลงทะเบียนเรียนจะมีกระดาษให้ลงชื่อ บนหัวกระดาษจะเขียนบอกว่าเป็นคลาสอะไร และเรียนเวลากี่โมง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะอธิบายการเลือกคาบเรียนเสริมตั้งแต่วันปฐมนิเทศเลยค่ะ เวลาลงทะเบียนเรียนเสริมคือเวลา 8:00-18:00 น. คาบเสริมสามารถเลือกเรียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าต้องการยกเลิกเรียนจะต้องเสียค่าบริการค่ะ ไม่กี่ร้อยเปโซ หนูเลือกเรียนคาบเสริมแค่ 2 สัปดาห์แรก 2 สัปดาห์หลังไม่ได้เลือกเพราะรู้สึกเหนื่อยค่ะ (หัวเราะ) คาบเสริมโรงเรียนไม่ได้บังคับให้เรียนนะคะ หนูเลือกเรียนเอง หนูรู้สึกว่ามาเรียนแค่เดือนเดียวเองเลยอยากเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุดค่ะ
เห็นว่าได้รางวัลด้วย..
ใช่ค่ะ คลาส Listening like a pro ได้รางวัล Top Student คุณครูเขาดูจากแบบฝึกหัดค่ะ หนูตอบถูกเยอะกว่าเพื่อน ๆ เลยได้รางวัลนี้มาค่ะ
สำเนียงครูฟิลิปปินส์เป็นอย่างไร
รู้สึกว่าครูบางคนสำเนียงค่อนข้างจะฟังยากค่ะ ตอนมาแรก ๆ บางครั้งหนูฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง บางคำที่คุณครูพูดจะติดสำเนียงตากาล็อกค่ะ แต่ก็แค่ส่วนน้อยจริง ๆ คุณครูส่วนใหญ่สำเนียงอเมริกัน ฟังง่ายค่ะ
การสอนของคุณครูเป็นอย่างไร
สอนโอเคเลยค่ะ รู้สึกว่าคุณครูทุกคนเขาตั้งใจสอนนักเรียนจริง ๆ จะเน้นตัวนักเรียนเป็นหลัก เช่น คลาสกลุ่ม Listening ถ้ามีนักเรียนคนไหนฟังไม่ทัน คุณครูเขาก็จะเปิดให้ฟังซ้ำ สอนจนกว่าจะเข้าใจเหมือนกันทุกคนค่ะ
เคยต้องเปลี่ยนคุณครูไหม
ไม่เคยค่ะ คุณครูสอนดี น่ารักทุกคน
เคยเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนมาก่อนรึเปล่า
เคยเรียนที่ไทยค่ะ เป็นคอร์สสนทนากับเจ้าของภาษา ซึ่งการเรียนการสอนก็คล้าย ๆ กัน เน้นสนทนาโต้ตอบ ต่างกันแค่ความเข้มข้นของเนื้อหา เพราะเรียนที่ไทยหนูเรียนแค่ช่วงเย็นอาทิตย์ละ 2 วัน แต่ที่ฟิลิปปินส์คือเรียนทุกวัน และทั้งวัน
วันเสาร์-อาทิตย์ ทำอะไร เที่ยวที่ไหนบ้าง
ไปเที่ยวทุกวันเสาร์อาทิตย์เลยค่ะ ถ้าสถานที่ใกล้ ๆ โรงเรียนไป Botanical Garden และ Burnham Park มีไปคาเฟ่บ้าง และไป SM Mall ทุกสัปดาห์เลย ส่วนสถานที่ที่ไกลจากโรงเรียนไป Hundred islands ซึ่งต้องนั่งรถจากโรงเรียนประมาณ 4 ชั่วโมงเลยค่ะ ช่วงที่หนูไปเป็นวันหยุด 3 วันที่ฟิลิปปินส์ ก็เลยไปเที่ยวช่วงนั้น ไปค้างคืนนอกโรงเรียน 1 คืนค่ะ พวกหนูไปกันทั้งหมด 9 คน โดยเช่ารถตู้ไป ที่พักจะคล้าย ๆ บ้าน สามารถพักได้ทั้งหมดเลย 9 คน
หนูได้ทำกิจกรรมเยอะมาก เช่น Zipline, Banana boat และ Helmet Diving แล้วก็เช่าเรือไปยังเกาะต่าง ๆ เล่นน้ำจนเย็นก็กลับที่พักกันค่ะ กลับมาถึงที่บ้านอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ออกไปซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อที่จะซื้ออาหารมาทำกินกันเอง มีเพื่อนในกลุ่มเป็นเชฟค่ะ เพื่อน ๆ น่ารักมาก จัดงานเลี้ยงอำลาให้หนู เพราะรู้ว่าหนูจะกลับประเทศไทยแล้ว เป็นวันที่หนูรู้สึกประทับใจมาก ๆ เลยค่ะ
ส่วนค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก็จะมีค่ารถตู้เหมาไปกลับ 12,500 เปโซ ค่าบ้าน 13,000 เปโซ ส่วนค่าเรือไปเกาะต่าง ๆ ไม่กี่ร้อยค่ะ กิจกรรมต่าง ๆ ที่หนูไปทำก็จะมีค่าอุปกรณ์ ที่แพงที่สุดจะเป็น Helmet Diving 500 เปโซ นอกนั้นราคาต่ำกว่านี้ค่ะ วันต่อมาหนูก็ไปปีนเขากับเพื่อน ๆ อีกกลุ่มนึงที่ Camp John Hey ที่นี่มีหลายเส้นทางให้เลือก พวกหนูไม่ได้เลือกปีนทางยาก ๆ ค่ะ คนอื่นอาจจะเหนื่อยและร้อน แต่สำหรับหนูชิล ๆ ค่ะ เพราะหนูเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการอยู่ที่บาเกียวแล้ว หนูก็เลยไปเที่ยวให้คุ้มเลยค่ะ
สิ่งที่ประทับใจและไม่ประทับใจ
สิ่งที่ประทับใจคือ สถาบัน Pines ค่ะ คุณครูตั้งใจสอนมาก ๆ คอยช่วยเหลือตลอดเวลา หนูเคยถามคุณครูว่าแถวโรงเรียนมีร้านตัดผมแนะนำไหม หนูอยากตัดหน้าม้า คุณครูเขาบอกว่าเดี๋ยวตัดให้ได้นะ พอวันต่อมาเขาก็เตรียมกรรไกรมาตัดให้หนูเลยค่ะ ตัดสวยด้วยค่ะ (หัวเราะ) เพื่อน ๆ ที่นี่น่ารักมาก คอยช่วยเหลือกันตลอด พยายามช่วยกันฝึกพูดภาษาอังกฤษ เพื่อนบางคนคือช่วยเหลือหนูมาก ๆ เป็นคนญี่ปุ่น ตอนนั้นหนูมีปัญหาเรื่องซิมอินเทอร์เน็ตมันใช้ไม่ได้ เพื่อนก็ช่วยดูให้ค่ะ สิ่งที่ไม่ประทับใจก็จะเป็นเรื่องแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดห้องค่ะ บางครั้งหลังจากทำความสะอาดแล้วเหมือนห้องจะยังไม่ค่อยสะอาด แต่หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นที่แม่บ้านหรือที่รูมเมทกันแน่ค่ะ
ชอบวิชาไหนมากที่สุด และวิชาไหนที่ไม่ชอบ เพราะอะไร
ถ้าเป็นคลาสเดี่ยวจะชอบวิชา Speak Zone มาก เพราะว่า คุณครูสอนดี สอนเข้มข้น เวลาหนูพูดผิด คุณครูเขาก็จะแก้ให้ และคุณครูก็ชวนเราคุยตลอด ส่วนคลาสกลุ่มชอบ Developing tactics for listening เพราะว่าคุณครูใจดี น่ารัก สอนดี และหนูสนิทกับเพื่อน ๆ ในคลาสด้วย เลยชอบคลาสนี้ค่ะ วิชาที่ไม่ชอบคือ Phrasal Verb ค่ะ เพราะมันเป็นคำศัพท์ที่ต้องท่องจำ หนูก็รู้นะคะว่ามันสำคัญ แต่หนูไม่ชอบท่องจำค่ะ
มีการบ้านเยอะไหม
ไม่ได้เยอะมากนะคะ ซึ่งที่โรงเรียนจะมีคาบพักประมาณ 1 ชั่วโมง บางครั้งหนูก็ทำการบ้านในคาบพักค่ะ
สภาพแวดล้อมเมืองบาเกียวเป็นอย่างไร
จากที่ไปอยู่มาก็ปลอดภัยนะคะ ผู้คนก็น่ารัก เป็นมิตร อย่างหนูจะถามทาง คนที่บาเกียวเขาก็คอยพยายามช่วยเหลือตลอด แต่ก็ต้องระวังตัวเองด้วย เช่นไปสถานที่ที่คนเยอะ ๆ ก็ต้องคอยระวังสิ่งของมีค่าของตัวเองค่ะ
จากโรงเรียนไปข้างนอกยากไหม
ไม่ยากค่ะ อย่างไปห้างบางครั้งก็ขึ้นรถจิปนี บางครั้งก็เรียกแท็กซี่ ไม่เคยเจอแท็กซี่ที่โกงมิเตอร์ แต่เคยเจอแท็กซี่ที่ไม่ยอมไปส่งสถานที่ที่พวกหนูต้องการไป ตอนนั้นหนูจะไปร้านอาหารนึง ซึ่งร้านอาหารนี้มี 2 สาขา แท็กซี่เขาพาไปส่งที่สาขาที่พวกหนูไม่ได้ต้องการ แต่คนขับแท็กซี่ก็ไม่ฟัง พวกหนูให้ขับตาม GPS ที่หนูเปิดก็ไม่ยอมดู ผลสุดท้ายพวกหนูก็ต้องเรียกแท็กซี่ใหม่
อาหารที่โรงเรียนเป็นอย่างไร
สำหรับหนูบางมื้อก็อร่อย บางมื้อก็ไม่ค่อยชอบ แต่ไม่มีมื้อไหนที่ทานไม่ได้ ถ้าเป็นคนทานยากจริง ๆ ทางโรงเรียนเขามีขนมปังกับแยมใว้ไห้ค่ะ อาหารที่โรงเรียนรสชาติไม่เค็มเหมือนร้านอาหารข้างนอกค่ะ
อาหารมีกี่มื้อ
วันจันทร์-ศุกร์จะมี 3 มื้อค่ะ วันเสาร์ไม่มีอาหารมื้อเย็น ส่วนวันอาทิตย์ไม่มีอาหารมื้อเช้าค่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับหนูนะคะเพราะว่า ถ้าหนูออกไปเที่ยวข้างนอนก็ทานข้าวกันข้างนอก หรือเดินไปหาอะไรทานที่เซเว่นใกล้ ๆ โรงเรียนค่ะ
ที่โรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง
มียิม ตู้เอทีเอม ร้านอาหารที่ชั้นล่าง และมีคาเฟ่ขายน้ำ อร่อยและถูกกว่าที่ไทยค่ะแนะนำ
ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยลำบากไหม
สำหรับหนูไม่ลำบากนะคะ ถ้าเกิดเวลามีปัญหาอะไรก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย ติดต่อไม่ยากเลยค่ะ เจ้าหน้าที่เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเราอยู่แล้วค่ะ
ทำไมถึงเลือกไปกับ KPG การบริการของก้อปันกันเป็นอย่างไร
รู้สึกว่าก้อปันกันมีรีวิวที่ดี และเวลาหนูทักไปถามในไลน์ มีข้อสงสัยอะไร ทางก้อปันกันตอบเร็ว และให้ข้อมูลที่ครบถ้วน เลยเลือกใช้บริการก้อปันกันค่ะ
จากระยะเวลา 4 สัปดาห์ การพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร
ก่อนไปเรียนหนูก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ประมาณนึง ระหว่างที่เรียนอยู่ที่ Pines ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา ทำให้หนูรู้สึกว่าตอนที่อยู่ที่โรงเรียน หนูพูดคล่องขึ้น และมีความมั่นใจมากขึ้น แต่หลังกลับไทย ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเยอะเหมือนที่ฟิลิปปินส์ แต่หนูก็รู้สึกมีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ กล้าที่จะโต้ตอบกับชาวต่างชาติค่ะ
สิ่งที่กังวลก่อนไปเรียน
กังวลเรื่องการเดินทางค่ะ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ว่าทุกอย่างก็ราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
การเดินทางไปที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
เดินทางจากสนามบินกรุงเทพไปยังสนามบินมะนิลา โดยสายการบิน Philippine Airlines ตอนผ่านตม.เจ้าหน้าที่ดูเคร่งนิดหน่อย เพราะ Passport หนูโล่งมาก ไม่เคยเดินทางไปไหนเลย แต่ตอนนัดเตรียมตัวการเดินทางกับก้อปันกัน ทางก้อปันกันบอกว่าให้เตรียมข้อมูลการเรียน พวกเอกสารต่าง ๆ แสดงให้เจ้าหน้าที่ตม.ได้เลยถ้าเจ้าหน้าที่ถาม ซึ่งหนูก็แสดงเอกสารการเรียนของหนู ก็ผ่านมาได้ไม่มีปัญหาอะไร
ไฟลท์หนูถึงที่มะนิลาช่วงดึก ส่วนเจ้าหน้าที่ที่รับหนูไปโรงเรียนมาตอนเช้า หนูก็เลยต้องนั่งรอในสนามบินนานหน่อยค่ะ ส่วนการไปเจอเจ้าหน้าที่ ทางก้อปันกันให้รายละเอียดมาว่าเจ้าหน้าที่จะรออยู่ที่ Terminal 2 Bay 13 ซึ่งก่อนวันที่หนูบิน หนูทักไลน์ไปหาเจ้าหน้าที่ที่มารอรับหนู ซึ่งทางก้อปันกันส่งข้อมูลการติดต่อมาให้ เจ้าหน้าที่ที่หนูคุย กับคนที่มารอรับจะเป็นคนละคนกัน เจ้าหน้าที่ที่คอยประสานงานน่ารักมาก รายงานหนูตลอดเวลาว่าไม่ต้องกังวลนะ เจ้าหน้าที่กำลังขับรถอยู่ คอยรายงานว่าถึงตรงไหนแล้ว เจ้าหน้าที่บอกหนูว่าเดี๋ยวมีนักเรียนคนญี่ปุ่นไปด้วย ตอนอยู่สนามบินหนูก็เห็นคนนึงเหมือนชาวญี่ปุ่น หนูก็เลยตั้งข้อสังเกตไว้ว่าน่าจะเป็นนักเรียนคนนี้แหละ ที่เจ้าหน้าที่พูดถึง
เจ้าหน้าที่มาถึงเขาจะชูป้าย Besa เพื่อนนักเรียนชาวญี่ปุ่นเดินขึ้นรถไปก่อน แล้วหนูก็เดินตามไป ซึ่งเจ้าหน้าที่มารับตรงเวลาตามเอกสารคอนเฟิร์มรับที่สนามบินเลยค่ะ รถที่มารับเป็นรถตู้สภาพใหม่ แอร์เย็นค่ะแต่ไม่ถึงกับหนาว บริเวณรอรถมีหลายที่ค่ะ ตอนแรกหนูไม่รู้ว่ามีหลายจุดที่เราสามารถรอรถได้ บริเวณที่หนูรอมีห้องน้ำ และมีร้าน Jollibee แต่ปิด แต่จริง ๆ แล้วไปรอได้อีกบริเวณนึงที่ชั้น 2 ที่มีห้องน้ำ และร้าน Jollibee เหมือนกันและร้านเปิดด้วย พอขึ้นรถแล้ว เจอนักเรียนคนอื่น ๆ เต็มคันรถเลยค่ะ เพราะว่าคนขับไปรับเด็กนักเรียนจากเทอร์มินอลอื่น ๆ ก่อน ซึ่งหนูกับเพื่อนคนญี่ปุ่นเป็น 2 คน สุดท้าย
พอรับพวกหนูเสร็จรถก็ออกเดินทางเลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่ต่างโรงเรียนบนรถตู้ด้วย
(หัวเราะ) จากสนามบินไปถึงโรงเรียน Pines ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ถึงโรงเรียนเวลาประมาณ 13:00-14:00 น. ก่อนที่จะถึงโรงเรียน มีการจอดแวะให้นักเรียนได้ทานข้าวที่ศูนย์อาหารด้วยค่ะ คนขับรถตู้ตอนแรกก็ขับปกติ พอหลัง ๆ เริ่มขับเร็ว หนูรู้สึกว่าน่ากลัวเพราะเส้นทางคดเคี้ยว และมีเหว ตอนแรกหนูก็ไม่ได้คาดเข็มคัด พอคนขับเริ่มขับเร็วขึ้นก็เลยคาดเข็มขัดค่ะ แล้วก็รู้สึกว่านั่งรถเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
ขากลับกลับยังไง
หนูกลับกับ Joybus ค่ะ ซึ่ง Joybus จะอยู่ตรงข้ามห้าง SM หนูไปซื้อตั๋วล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะถ้าไปซื้อตั๋วช้าบางทีอาจจะไม่มีที่นั่งเหลือเลยก็ได้ค่ะ วันที่หนูกลับก็คือคนเต็มรถบัสเลย ถ้าไม่ซื้อก่อน มารอซื้อใกล้ ๆ วันกลับ คงไม่มีที่นั่งแน่ ๆ พอมาถึง Joybus ก็แจ้งพนักงานว่าจะซื้อตั๋วไปสนามบิน ราคาของแต่ละรอบจะไม่เท่ากัน ซึ่งของรอบหนูราคา 800 เปโซค่ะ พอถึงวันที่เราจะกลับ เราก็มาขึ้นรถที่เดิมที่เรามาซื้อตั๋ว แสดงตั๋วให้เจ้าหน้าที่พนักงานดู หลังจากนั้นก็สามารถขึ้นรถได้เลยค่ะ ซึ่งรถ Joybus จะไปส่งถึงที่สนามบินเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงสนามบิน รอบที่หนูซื้อเป็นรอบกลางคืน บนท้องถนนรถไม่ค่อยเยอะทำให้ถึงไวค่ะ
เพื่อนๆ ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร มีจากประเทศไหนบ้าง
ชาวญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ รองลงมาจะเป็นเกาหลี ไต้หวัน จีน เวียดนาม ส่วนคนไทยมีหนูคนเดียวเลยค่ะ (หัวเราะ)
รีวิวห้องพัก
ห้องนอน 4 เตียง เตียงนอนจะอยู่ข้างบนมีผ้าม่านปิด ส่วนข้างล่างจะเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ มีเก้าอี้ มีตู้เสื้อผ้าให้แต่ไม่มีกุญแจล็อก ซึ่งถ้าใครกังวลกลัวของหาย สามารถนำแม่กุญแจมาล็อกได้ ตรงตู้จะมีที่คล้องกุญแจให้ ในห้องจะมีห้องน้ำในตัว แยกที่อาบน้ำกับชักโครกเป็นสัดส่วน มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีไดร์เป่าผม แนะนำให้นำมาเองหรือจะมาซื้อที่ห้าง SM ก็ได้ ราคาไม่แพงมากค่ะ มีพัดลม บางครั้งก็ไม่ได้เปิดพัดลมนอนค่ะ เพราะอากาศค่อนข้างหนาวในช่วงกลางคืน และมีเครื่องกรองอากาศในห้อง
รีวิวรูมเมท
รูมเมทน่ารักค่ะ มีน้ำใจ ชอบเอาขนมมาวางไว้ให้ 2 สัปดาห์แรกเป็นรูมเมทคนจีน 2 สัปดาห์หลังมีคนญี่ปุ่นเพิ่มมา เวลาไปข้างนอกก็ไปกับรูมเมทคนญี่ปุ่น กับกลุ่มเพื่อนของคนญี่ปุ่นค่ะ
ปรับตัวยากไหม
ไม่ยากค่ะ หนูไม่มีอะไรให้กังวล ไม่มีปัญหาเรื่องการนอนเลยค่ะ
การซักผ้าเป็นอย่างไร
ทางโรงเรียนจะมีตารางซักผ้า ผู้หญิงส่งผ้าซักได้วันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ส่วนผู้ชายส่งผ้าซักได้วันอังคารกับวันศุกร์ วันพุธจะไม่ได้แบ่งเพศสามารถส่งผ้าซักได้ทั้งหญิงและชาย ส่งผ้าซักได้ที่ชั้น 2 เจ้าหน้าที่บริการดีมาก ก่อนซักเราต้องไปแลกคูปองกับการเงิน แล้วเอาผ้าไปส่งซักได้ครั้งละไม่เกิน 7 กิโลกรัม สามารถซักรวมกับชุดชั้นใน ถุงเท้า ได้ค่ะ
มีเป้าหมายอะไรในการเรียนครั้งนี้
เป้าหมายหนูคือ ได้พัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง และได้มาต่างประเทศ เป้าหมายหนูไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่สิ่งที่หนูได้กลับมาเกินเป้าหมายคือ เรื่องเพื่อน ประสบการณ์ และได้ไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ค่ะ
ฟิลิปปินส์ก่อนและหลังไป
ตอนหาข้อมูลจากบนอินเทอร์เน็ต ก็คิดว่าฟิลิปปินส์ค่อนข้างน่ากลัว พอมาที่นี่ก็คอยระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา หนูคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ควรจะคอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ แต่พอมาที่บาเกียวก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เหมือนประเทศไทยเลยค่ะ ผู้คนก็น่ารัก เป็นมิตร เวลาหนูไปเที่ยวพอเขาเห็นเราเป็นชาวต่างชาติเขาก็จะมาขอถ่ายรูปด้วย อย่างไปปีนเขา พวกหนูไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็มีชาวฟิลิปปินส์เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย 2-3 คนค่ะ เวลาจะถามทางเขาก็คอยช่วยเหลือ คอยบอกทางค่ะ
ความปลอดภัยที่ฟิลิปปินส์
หนูคิดว่าปลอดภัยนะคะ ถ้าเป็นตอนกลางวันไม่มีอะไรนะคะ เพราะหนูก็ออกไปข้างนอกโรงเรียนคนเดียวบ่อยก็ไม่มีอะไร อย่างตอนเช้าหนูก็มีไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ โรงเรียนบ้าง หรือช่วงเลิกเรียนไปห้าง SM คนเดียวบ้างค่ะ เหมือนกับอยู่ที่ไทยเลยค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
ควรเตรียม pocket money ไปเท่าไหร่ดี
จำไม่ได้ว่าเอาไปเท่าไหร่ แต่ว่าไม่พอค่ะ (หัวเราะ) หนูไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไปเที่ยวเยอะขนาดนั้น หนูแนะนำว่าถ้าจะเตรียมไปให้เหลือ ๆ ดีกว่าค่ะ ตอนที่หนูเงินไม่พอ โชคดีที่เพื่อนคนจีนของหนูเขาเคยอยู่ที่ไทย มีบัญชีธนาคารที่ไทย หนูก็เลยโอนเงินไทยไปให้เขา แล้วก็ให้เขากดเงินออกมาให้หนูค่ะ เพราะว่าหนูไม่มีบัตรอะไรเลย
ค่าน้ำ ค่าอาหาร ถูกหรือแพงกว่าไทย
ร้านอาหารโดยทั่วไปราคาถูกกว่าที่ไทยค่ะ ทั้งค่าน้ำ และอาหาร
เรียนที่ Pines แตกต่างอย่างไรกับเรียนที่ไทย
การเรียนที่ไทย หนูเรียนโรงเรียนรัฐบาลตั้งแต่เด็กเลย มีการเรียนภาษาอังกฤษทั้งกับคุณครูไทยและชาวต่างชาติ ตอนเรียนกับคุณครูไทยไม่ค่อยได้ฝึกพูดเท่าไหร่ น้อยมาก แต่พอมาเรียนที่ Pines ได้ใช้ทั้งทักษะการฟังและพูดเยอะมาก ทั้งนอกและในห้องเรียน เช่น กับคุณครู เพื่อน ตอนออกไปเที่ยวข้างนอก ซื้อของ คือหนูได้พูดภาษาอังกฤษตลอดเวลา ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันจริง ๆ
รู้จักก้อปันกันได้อย่างไร
ตอนแรกติดต่อกับทางสถาบันไปเองก่อนค่ะ แต่ไม่มีการตอบกลับ เลยเริ่มหาเอเจนซี่ในไทย ก็เลยเจอก้อปันกันค่ะ
ในอนาคตมีแพลนจะกลับมาเรียนที่ฟิลิปปินส์อีกไหม
ถ้าในช่วงนี้ยังค่ะ เพราะว่าเพิ่งเริ่มงาน แต่ถ้าวันนึงต้องใช้คะแนนภาษา เช่น คะแนน IELTS หรือ TOEFL ก็จะกลับมาเรียนที่ Pines เหมือนเดิมค่ะ แล้วก็จะเลือกให้ก้อปันกันดูแลเหมือนเดิมด้วยค่ะ
สำหรับโรงเรียนคะเเนนเต็ม 10 ให้เท่าไหร่ดี
ให้ 9.5 ค่ะ ขอหักนิดนึงเรื่องสำเนียงของคุณครูบางท่านที่ยังมีติดตากาล็อกอยู่บ้างค่ะ
มีอะไรอยากแนะนำเพื่อนๆที่สนใจไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ไหม
อยากแนะนำว่า ถ้าสถาบันไหนมีนักเรียนไทยหลายคน อยากให้เพื่อน ๆ พยายามพูดภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่พูดกันแต่ภาษาไทย เพราะว่าเราควรจะสร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวเอง และคนอื่นด้วยการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร หนูเห็นว่าบางครั้งเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เขาจับกลุ่มอยู่กับคนญี่ปุ่นเหมือนกัน เขาก็จะพูดแต่ภาษาของเขา อย่างรูมเมทหนูที่เป็นคนจีน 2 คน พวกเขาก็พูดกันแต่ภาษาจีน ซึ่งหนูรู้สึกว่ามันน่าเสียดายโอกาส เรามาเรียนต่างประเทศทั้งที เราควรจะพยายามฝึกใช้ภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด นอกจากเรื่องเรียนแล้ว อยากให้พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ๆ ด้วย หนูรู้สึกว่ามันจะคุ้มค่ามาก ๆ ถ้าเราได้ทั้งความรู้ และได้ทั้งมิตรภาพค่ะ ทุกวันนี้หนูก็ยังคุยกับเพื่อน ๆ อยู่เลยค่ะ
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pines International Academy