Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the wp-table-builder domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-includes/functions.php on line 6114

Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the wp-table-builder domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-includes/functions.php on line 6114

Deprecated: parse_str(): Passing null to parameter #1 ($string) of type string is deprecated in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-content/plugins/chaty-pro/includes/class-frontend.php on line 2192

Deprecated: parse_str(): Passing null to parameter #1 ($string) of type string is deprecated in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-content/plugins/chaty-pro/includes/class-frontend.php on line 2192

Deprecated: parse_str(): Passing null to parameter #1 ($string) of type string is deprecated in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-content/plugins/chaty-pro/includes/class-frontend.php on line 2192

Deprecated: parse_str(): Passing null to parameter #1 ($string) of type string is deprecated in /var/www/vhosts/korpungun.com/demo.korpungun.com/wp-content/plugins/chaty-pro/includes/class-frontend.php on line 2192
ประสบการณ์เรียน 2+2 University Transfer ที่ Shoreline CC Seattle โดย ตะไคร้

[รีวิว] ประสบการณ์นักเรียนไทย เรียนและทำงานเป็น Peer Mentor ที่ Shoreline โดย ตะไคร้

ประสบการณ์เรียน 2+2 University Transfer

ประสบการณ์เรียน 2+2 University Transfer

ชื่อ : ตะไคร้
สถาบัน : Shoreline Community College
หลักสูตร : 2+2 University Transfer
Major : Business
ปัจจุบัน : เรียนอยู่ที่ Seattle University

เป็นมายังไงถึงได้มาเรียนที่อเมริกา ?

ก่อนหน้านั้น ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาไปอยู่ที่ New Hampshire แล้วผมก็ชอบระบบการศึกษาของอเมริกาที่เราสามารถมีสิทธิ์เลือกว่าเราอยากเรียนอะไร แต่ถ้าเป็นระบบที่ไทยเขาจะให้นักเรียนเรียนทุกอย่างเลย ไม่ได้ให้นักเรียนเลือกว่าอยากเรียนอะไร อีกสาเหตุนึงคือ ผมอยากเรียนจบให้เร็วกว่านี้ ผมเลยหาข้อมูลเองว่ามันมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราได้เรียนจบไวๆ แล้วผมก็ไปสอบถามกับเอเจนซี่ต่างๆ เขาก็บอกว่ามันมีโปรแกรม 2+2 University Transfer ที่รัฐ Washington ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเรียนจบ High School ก็ได้ ผมก็เลยลองดู

ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่ Shoreline ?

เพราะว่าตอนแรกผมหาข้อมูลเองและเอาไปเปรียบเทียบกับคอมเม้นท์ของแต่ละวิทยาลัยต่างๆ เขาบอกว่าที่ Shoreline ให้บริการดูแลนักเรียนดีที่สุด

เรื่องการเรียนเป็นยังไงบ้าง ?

ก็ต่างจากที่คิดไปมากเหมือนกันครับ เพราะผมเรียนข้ามปีไม่ได้เรียนมัธยมจนจบ มันก็รู้สึกว่าการเรียนที่นี่ค่อนข้างเข้มข้นมากกว่า ปริมาณจำนวนงานมันก็เยอะกว่า แต่การเรียนที่นี่มันอิสระกว่าเพราะมันให้ผมเลือกได้ว่าอยากเรียนอะไร คาบเรียนเขาก็คล้ายๆ กับ High School ทั่วไปครับ แต่ที่แตกต่าง คือ ครูเขาจะไม่ค่อยใส่ใจว่านักเรียนทำการบ้านมามั๊ย เขาจะไม่ค่อยตามทวงงาน ถ้าเด็กไม่ทำก็ไม่ได้คะแนน ครูเขาค่อนข้างสอนแบบผู้ใหญ่ครับ

การใช้ชีวิตต่างกับตอนไปแลกเปลี่ยนมั๊ย ?

ต่างครับ เพราะตอนไปแลกเปลี่ยน ผมมีโฮสต์ เขาก็จะคอยเอาใจใส่ ดูแล แต่ที่นี่เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากกว่า เราต้องดูแลตัวเอง คอยแบ่งเวลา ส่วนเรื่องการเรียนก็ต่างครับ เพราะที่นี่เราสามารถเลือกคลาสได้เองแล้วแต่ Major ของเรา ถ้าสนใจตัวไหนก็ลองลงเรียนได้  แต่ตอนไปเรียน High School ที่นู่น เขากำหนดไว้ให้แล้วว่าต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง

สภาพแวดล้อมของ Shoreline ดีรึเปล่า ?

ถือว่าดีครับ ที่นี่มีต้นไม้เยอะเลยทำให้บรรยากาศรอบๆ มันผ่อนคลาย เวลาอ่านหนังสือก็ไม่เครียด เพราะมันไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียนหรือในตึก มันเป็นพื้นที่เปิดโล่ง

ที่ Shoreline มีการ Support นักเรียนนานาชาติเป็นยังไง ?

ดีครับ ทางโรงเรียนเขามีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ เช่น มี International Office ที่มี Advisor เฉพาะสำหรับนักเรียนต่างชาติ, มี Immigration สำหรับเรื่องการปรึกษาพวกวีซ่า แล้วก็มีพวก Writing & Learning Studio สำหรับนักเรียนต่างชาติและนักเรียนท้องถิ่น ช่วยเรื่องการเขียน Essay ต่างๆ แถมครูที่นั่นเขาก็เข้าใจว่าเราเป็นนักเรียนต่างชาติ เขาก็จะพยายามสอนให้เราอยู่ในระดับเดียวกันกับนักเรียนท้องถิ่น

ที่ Shoreline เด็กไทยเยอะรึเปล่า ?

เท่าที่ผมรู้ประมาณ 20 คนครับ การเป็นเด็กไทยที่นี่ก็ไม่ค่อยลำบากนะครับ จริงๆ แล้วมันแล้วแต่คนด้วย สำหรับผม ผมใช้เวลาส่วนมากกับคนหลากหลายกลุ่ม และผมเองก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องคนไทยคอยซัพพอร์ทอยู่ มีปัญหาก็คุยกัน ช่วยเหลือกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตัวติดกันตลอดเวลาครับ

การทำงานใน Shoreline เป็นยังไง สอนอะไรเราบ้าง ?

ก่อนสมัครงานมันก็ยุ่งยากหน่อยเพราะมีแต่คนอยากได้งานอันนี้ ผมทำงานเป็น Peer Mentor ครับ มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก ถึงจะเหนื่อยและทำให้เราต้องทำงานเยอะขึ้น แต่มันก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ทั้งการแบ่งเวลาและการทำงาน เราได้รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเราในการทำงาน เราสามารถทำอะไรได้บ้าง เรามีจุดแข็งด้านไหน

ผมได้เรียนรู้การพูดคุย การเข้าหาคน  ได้เข้าใจในมุมมองคนอื่น ถึงจะไม่เห็นด้วยก็ตามแต่เราก็ได้มองเห็นในหลายๆ มุม แล้วก็ได้ประสบการณ์ในการช่วยพัฒนาบุคลิกและศักยภาพของคนอื่นด้วย ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กนักเรียนตัวต่อตัว ได้พูดคุยว่าเขามีปัญหาเรื่องอะไรบ้าง ต้องการพัฒนาด้านไหน

ความหนักของมัน คือ ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่มันไม่ใช่เวลาทำงานแต่ทุกคนเขาก็รู้จักเราในสถานะ Peer Mentor มันก็ทำให้เราก็ต้องรักษาภาพพจน์ตัวเองไว้ตลอดเวลา ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและประสบความสำเร็จเพราะการที่เราจะไปให้คำปรึกษาคนอื่นได้เราต้องสร้างความน่าเชื่อถือของตนเองไว้ก่อนเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไว้ใจผมได้

เคยเจอปัญหาอะไรและก้าวข้ามผ่านปัญหามันมาได้ยังไง ?

มันแล้วแต่ช่วงครับ ช่วงแรกๆ ที่มาถึง ผมก็มีปัญหาเรื่องการปรับตัวและการเรียน เพราะมันต้องรับผิดชอบมากขึ้น มันไม่มีคนมาคอยดูแลเหมือนตอนไปแลกเปลี่ยน มันยากที่ต้องวางแผน แบ่งเวลาทำนู่นทำนี่ ส่วนช่วงกลางปีระหว่างผมอยู่ที่ Shoreline ก็จะเป็นปัญหาเรื่องสังคมเพราะสังคมที่นี่กับที่ไทยมันต่างกัน เขาจะคาดหวังหลายๆ อย่างต่างจากเรา ซึ่งจะทำให้ทะเลาะกัน อย่างที่อเมริกาวัฒนธรรมของเขาก็ไม่เหมือนกับเรา เขาจะหงุดหงิดง่ายมากถ้าเราไม่ชัดเจน ไม่แม่นอนเพราะเขาต้องการความตรงไปตรงมา ผมก็จะมีปัญหาตรงนั้นทำให้ผมทะเลาะกับคนบ่อย ซึ่งผมแก้ตรงนี้ได้หลังจากที่ผมเริ่มทำงานแล้ว ผมก็ต้องพยายามทำความเข้าใจว่าคนเรามาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราก็ต้องเคารพมุมมองและความคิดของเขา

ปัญหาที่ยากที่สุด คือ เรื่องปัญหาของการแบ่งเวลาเรียน ทำงานและสุขภาพของชีวิตตนเอง ผมบอกตรงๆ เลยว่าผมเคยมีอาการ Depression ระหว่างการทำงานและเรียนไปด้วย เพราะการเรียนที่นี่ก็หนักอยู่แล้วและยังต้องคิดเรื่องการโอนย้ายไปต่อมหาวิทยาลัยอีก และผมก็ต้องทำงานอีก ซึ่งมันทำให้ผมเครียด ผมต้องรักษาภาพพจน์ของตนเองด้วย ด้วยความที่ผมอยู่ในสถานะ Peer Mentor ทุกคนก็จะคาดหวังกับผมว่าผมต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ และผมต้องนั่งฟังปัญหาของแต่ละคนและคอยช่วยพวกเขาแก้ไข มันทำให้ผมอึดอัดอยู่นิดหน่อย เพราะปัญหาของตนเองยังแก้อะไรไม่ได้เลย แล้วต้องมาช่วยเขาอีก นั่นก็ทำให้ผมเครียด ช่วงนั้นการเรียนของผมก็ตกนิดนึง

พอผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มมีปัญหา ผมก็ไปใช้บริการ Counsellor ที่ทางวิทยาลัยมีให้ เขาก็จะให้คำปรึกษา รับฟังและเก็บเรื่องของเราไว้ไม่เอาไปเปิดเผย เขาก็จะแนะนำวิธีแก้ปัญหาความเครียดว่าต้องทำยังไงบ้าง ฟังดูอาจเหมือนว่าที่นี่มันเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจิต แต่ที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนที่มีปัญหาทางจิต เพราะหน้าที่ของ Counsellor ก็เป็นเหมือนเพื่อนคุย เพราะบางครั้งการที่ตัวเองได้ไปคุยกับใครสักคนมันก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ และมันช่วยผมมากเลย

การโอนย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็นยังไง ?

นั่นเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดของ 2 ปีใน Shoreline เลยครับ อย่างแรกที่เราควรทำก่อน คือ คิดก่อนเลยว่าเราอยากเรียนอะไร อยากเรียนที่ไหน อนาคตอยากทำอะไรต่อ ที่โรงเรียนเขาจะมี Advisor ประจำตัวของนักเรียนอยู่แล้ว อย่างเช่น ถ้าผมอยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยกลุ่ม Ivy League เขาก็จะช่วยอ่าน Essay ช่วยทำ Application ให้ ช่วยวางแผนและอ่าน Personal Statement ว่าเขียนยังไงให้ดีขึ้น ให้น่าสนใจขึ้น ส่วนครูก็ช่วยแนะนำและช่วยเขียน Recommendation Letter ให้ด้วย ทุกอย่างมันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้านักเรียนไม่วางแผนล่วงหน้า เพราะที่นี่พอขึ้นปี 2 ต้องเริ่มกรอก Application วางแผน เขียน Essay Transfer แล้ว

สังคมในมหาวิทยาลัยแตกต่างจากตอนเรียนที่ Shoreline มากรึเปล่า ?

ก็ไม่ค่อยแตกต่างนะครับ ต่างกันอย่างเดียวตรงที่เราเป็นคนนอกเพราะเราโอนย้ายจากที่ Shoreline มาเรียนมหาวิทยาลัยตอนปี 3 แต่คนอื่นเขาจับกลุ่มสนิทกันมาตั้งแต่ตอนช่วงปี 1 แล้ว มันไม่เหมือนกับตอนอยู่ Shoreline ที่ทุกคนเป็นเด็กใหม่ มันเลยเหมือนเราไม่ได้อยู่ในกลุ่ม มันเลยเหงาๆ หน่อยนึงและเราก็ต้องพยายามเข้าหาพวกเขาเอง

พอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้วมันต่างกับตอนเรียนที่ Shoreline ยังไง ?

พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 3-4 มันจะได้เรียน Major ของเราอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว อย่างตอนนี้ผมเรียน Business เนื้อหาของผมก็จะโฟกัสกับทาง Business มาก ไม่ได้เปนการเรียนแบบ General Education อย่างตอนใน Shoreline ที่ต้องมาเรียนภาษาอังกฤษ หรือ สังคม เนื้อหาในการเรียนด้าน Business ก็จะแน่นมากกว่าและต้องการความรับผิดชอบมากขึ้น แต่การเรียนมันก็ต่อเนื่องจาก Community College ครับเพราะปี 1-2 ของมหาวิทยาลัยและ Community College เรียนเหมือนกัน

วางแผนเป้าหมายในอนาคตไว้ยังไงบ้าง ?

ผมก็วางแผนไว้คร่าวๆ บ้างครับแต่ยังไม่ได้ลงดีเทลมากเท่าไหร่ ผมหวังว่า ผมเรียนจบแล้วผมก็จะเก็บประสบการณ์ที่อเมริกาสักปีสองปีแล้วค่อยกลับไปทำงานที่ไทย ผมยังไม่ได้มีความคิดว่าอยากเปิดบริษัทเป็นของตนเอง แต่ผมคิดว่าผมมาเรียน Business เพื่อเอาความรู้ที่เรียนไปประยุกต์ใช้ที่ไทย หลังจากนั้น พอแก่ขึ้นจนเกษียณ ผมอยากเป็นครูครับ เพราะอยากให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์การทำงานของตัวเองให้กับเด็กรุ่นใหม่

ประทับใจอะไรใน Shoreline และ Seattle University บ้าง ?

ที่ Shoreline ผมประทับใจตรงที่ครูและ Advisor ทุกคนเขาเอาใส่ใจนักเรียนรายบุคคลเลย  เขาพยายามเข้าใจนักเรียน และเราสามารถติดต่อเขาไปได้ทุกเมื่อ เพราะส่วนมากที่ผมเคยเจอและได้ยินมาจากที่อื่น พวกครูเขาก็ไม่ได้พยายามเข้าหานักเรียนขนาดนั้น จะเป็นแบบ ฉันเป็นครู ฉันสอน แค่นี้จบ แต่ที่ Shoreline ไม่ใช่อย่างนั้น อย่างเช่น ถ้านักเรียนสอบตกเขาก็จะอีเมลล์ไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึเปล่า

ส่วน Seattle University ผมประทับใจตรงที่ครูส่วนมากเป็นคนที่เกษียณจากการทำงานเป็น CEO หรือทำงาน Part time คือเป็นครูครึ่งนึง ทำงานด้าน Business ครึ่งนึง เขาก็พยายามบอกนักเรียนว่างานแนวนี้เป็นยังไง เอาประสบการณ์ของเขาจริงๆ มาพูด ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้จริงๆ ว่าถ้าได้ทำงานในอนาคตมันจะเป็นยังไง

อยากแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากมาเรียน Shoreline บ้าง ?

อย่างเดียวที่ผมเห็นว่าะจะเป็นปัญหาสำหรับนักเรียนต่างชาติ คือ การไม่ยอมแพ้ในตัวเอง การมาเรียนที่นี่เรามาคนเดียว ไม่มีพ่อแม่หรือคนมาคอยดูแล เราต้องการสภาพจิตใจที่แข็งแรง รู้ว่าต้องก้าวต่อไปเรื่อยๆ ต้องไม่ถอย คือ ถ้าโฮมซิกหรือยอมแพ้ปุ๊ป มันก็จะจบแค่นั้น เราไปไหนต่อไม่ได้แล้ว แค่อย่ายอมแพ้ มันต้องก้าวต่อไปจริงๆ

เกี่ยวกับ Shoreline Community College คลิก

shoreline
# ประสบการณ์เรียน 2+2 University Transfer
Photo Credits : ตะไคร้

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน